วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

[Book] บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน ~ นิยายแห่งรักและเสรีภาพของนักเขียนชาวจีน

หนังสือในวันนี้ เป็นวรรณกรรมที่ได้รับการแปลถึง 26 ภาษา เป็นวรรณกรรมที่มีเรื่องราวในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีนที่ถ่ายทอดโดยชาวจีนผู้เคยมีประสบการณ์กับการเป็นเหยื่อของการฏิวัติ และถ่ายทอดอย่างละมุนละไมผ่านความรัก และจินตนาการของ “ผม” หนุ่มชาวเมืองที่ต้องถูกส่งไปยังหมู่บ้านชนบทกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเพื่อล้างความคิดแบบตะวันตก

การปฏิวัติวัฒนธรรมอาจทำให้คนเราถูกจำกัดทางความคิดและเสรีภาพ แต่ไม่อาจหยุดรักจากหัวใจของหนุ่มสาวผู้มีความรักและปรารถนาอย่างเปี่ยมล้น



บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน
ผู้เขียน: ไต้ซื่อเจี๋ย
ผู้แปล: โตมร ศุตปรีชา
สำนักพิมพ์: บลิส (Bliss Publishing)
จำนวนหน้า: 194 หน้า

เรื่องย่อจากปก
ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีน หนุ่มชาวเมืองผู้เคราะห์ร้ายสองคน คนหนึ่งเป็นลูกชายของหมอฟัน อีกคนเป็นลูกชายหมอ ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่อง ทั้งสองถูกส่งไปชนบทจีนเพื่อล้างความคิดแบบตะวันตก โดยต้องทำงานหนักทำตัวประหนึ่งกรรมกรไร้การศึกษา ต้องปฏิเสธความคิดและความรู้ทั้งหมดที่เคยเรียนรู้มา มีเพียงความสามารถโดดเด่นในการเล่าเรื่องที่ช่วยให้ทั้งคู่อยู่รอดได้ คือต้องรับหน้าที่ไปดูหนังอีกหมู่บ้านหนึ่งแล้วกลับมาเล่าเรื่องให้คนในหมู่บ้านฟัง

แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อทั้งคู่พบและร่วมกันขโมยขุมทรัพย์ที่ซุกซ่อนอยู่ซึ่งทางการถือว่าเป็นตัวบ่อนทำลายประเทศจีน นั่นคือวรรณกรรมชั้นเยี่ยมของโลกของนักเขียนนาม “บัลซัค” และเมื่อทั้งคู่นำไปอ่านให้ลูกสาวของช่างเย็บผ้าในหมู่บ้านฟัง ระหว่างนั้นเองเด็กหนุ่มสองคนก็ตกหลุมรักสาวน้อย


หนังสือของบัลซัคและสาวน้อยช่างเย็บผ้าได้ปลุกหลายสิ่งซึ่งเคยหลับใหลในตัวสองหนุ่มให้ตื่นขึ้น


...


เรื่องราวของบัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีนเล่าเรื่องผ่าน “ผม” ลูกชายของหมอที่ถูกทางการกำหนดสถานะให้เป็นศัตรูของชาติ ที่เล่าเรื่องของเพื่อนสนิท “หลู” ลูกชายหมอฟันผู้ร่วมเดินทางมา “สัมมนา” หรือ “การดัดแปลงตนเอง” เพื่อล้างความคิดแบบตะวันตก กับหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่เข้ามามีอิทธิพลกับพวกเขา “สาวน้อยช่างเย็บผ้า” หญิงสาวชาวดอยวัยแรกรุ่น ผู้มีความสดใสงดงาม และความสงสัยสังใคร่รู้

ในช่วงที่การเมืองเต็มไปด้วยความตึงเครียด ชายหนุ่มทั้งสองไม่สามารถทำสิ่งใดได้อย่างอิสระเสรี เมื่อได้พบกับวรรณกรรมตะวันตกเล่มแรก “อูร์ซูล มีรูแอต” (Ursule Mirouët) ของบัลซัค (Honoré de Balzac) แม้จะเป็นเพียงหนังสือเล่มเล็กๆ บางๆ แต่ก็สามารถปลุกบางสิ่งบางอย่างในจิตใจของพวกเขา “ผม” ประทับใจจนต้องคัดลอกข้อความลงบนเสื้อหนังแกะ ส่วน “หลู” ก็แอบนำหนังสือของบัลซัคไปอ่านให้ “สาวน้อยช่างเย็บผ้า” หญิงคนรักของเขาฟัง และเรื่องราวที่น่าหลงใหลชวนติดตามก็เกิดขึ้นโดยมี “บัลซัค” นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นี้เป็นผู้จุดประกาย

เสน่ห์ของเรื่องนี้ที่เจ้าของบลอกรู้สึกได้คือ การเล่าเรื่องของ “ผม” เล่าโดยไม่บอกชื่อตัวละคร นอกจาก “หลู” แล้ว ตัวละครตัวอื่นๆ ล้วนไม่มีชื่อ “สาวน้อยช่างเย็บผ้า” หญิงสาวที่ทั้งผมและหลูรักใคร่ “สี่ตา” เพื่อนของทั้งสองที่สวมแว่นตา “ผู้ใหญ่บ้าน” หรือ “ช่างโม่แป้งชรา” ตัวละครทั้งหมดถูกเล่าผ่านโดยไม่มีชื่อแต่ทุกคนก็ต่างมีมนตร์สะกดที่จะทำให้ผู้อ่านสนใจเรื่องราวของพวกเขา และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เสน่ห์ของเรื่องนี้คือผู้เขียนใช้ถ้อยคำภาษาที่สละสลวย ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพตัวละครได้อย่างชัดเจนราวกับดูภาพยนตร์


บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน เป็นนิยายรักที่จะพาคุณไปยังช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของจีนในปี 1971 และสัมผัสความรัก ความปรารถนา และความรู้สึกของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

[Manga] Nanaka 6/17 : มุมมองที่เปลี่ยนไปกับการ์ตูนในวัยเยาว์

จู่ ๆ เราก็คิดถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งอย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย
และบางทีเราก็คิดว่าถ้าหากการ์ตูนเรื่องนี้มาอยู่ในยุคโซเชี่ยล อาจจะมีคนมาตั้งกระทู้พูดคุย หรือตั้งคำถามกับตอนจบ
และเรื่องนั้นคือ นานากะ 6/17 (Nanaka 6/17)

Nanaka 6/17 / By Ken Yagami

เราอ่านนานากะ 6/17 จบมานานมากจนเอาการ์ตูนไปวางไว้ที่ไหนไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าเราจะยังเรื่องราวได้กลาย ๆ จนถึงทุกวันนี้และเมื่อนึกย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องนี้ในช่วงวัยที่ต่างกัน กลับมีความรู้สึกต่อการ์ตูนต่างกันทีเดียว…


เรื่องราวของนานากะ 6/17 มีอยู่ว่า นานากะ คิริซาโตะ และเน็นจิ นางิฮาระ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ความสัมพันธ์ในปัจจุบันพวกเขากลับไม่ค่อยดีนัก นานากะเป็นคนเงียบขรึม มุ่งแต่เรียน ในขณะที่เน็นจิกลับเป็นนักเลงหัวไม้ที่มีแต่เรื่องต่อยตี แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงบนสะพานลอย เน็นจิที่หมดความอดทนจึงพูดใส่นานากะว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเธออีก ทำให้นานากะช็อก เธอเป็นลมและหัวกระแทกพื้นไป

นานากะรู้สึกตัวที่โรงพยาบาล เธอดูงุนงง และมีบุคลิกที่เปลี่ยนไปไม่ใช่คนเดิม เมื่อให้แนะนำตัว เธอก็พูดขึ้นว่า “นานากะ อายุ 6 ขวบ”  และนั่นทำให้ชีวิตอันแสนวุ่นวายของเน็นจิเริ่มขึ้น …

แม้สมองจะเหมือนเด็ก 6 ขวบ แต่นานากะยังคงต้องใช้ชีวิตตามปรกติ เน็นจิจึงต้องคอยตามประกบเธอ รวมถึงไม่ยอมบอกใครเรื่องที่นานากะความจำเสื่อมด้วยความจำเป็น การมาโรงเรียนของนานากะจึงสร้างความประหลาดใจให้เพื่อนร่วมชั้น กับบุคลิกและผลการเรียนที่ต่างไปจากเดิมแบบสุดขั้ว กลายจุดเริ่มต้นของความสนุกปนฮาของเรื่อง เมื่อเด็กเรียนผู้เงียบขรึม กลายเป็นเด็กโลกสวย ผู้คลั่งไคล้การ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์ 


แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะสวยงามดังใจคิด แรกเริ่มเดิมทีนานากะก็ไม่ใช่คนน่าคบหา เรียกได้ว่ามีแต่คนเหม็นหน้า บุคลิกที่เปลี่ยนเป็นร่าเริงก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนมองดีขึ้น เธอยังคงเป็นเหมือนตัวประหลาดที่เพื่อนรู้สึกขัดหู ขัดตา โดยเฉพาะยูริโกะ อาเมมิยะ หญิงสาวที่เพรียบพร้อมทั้งการเรียน และหน้าตา ที่ไม่ถูกชะตากับนานากะมาตั้งแต่แรก ทว่ากลับกลายเป็นคนสำคัญที่ช่วยเหลือนานากะและเน็นจิในเวลาต่อมา

ความซุกซนของนานากะพาเน็นจิวุ่นวายไม่เว้นวัน แต่นั่นกลับทำให้ทั้งเน็นจิและนานากะได้พบพานกับมิตรภาพและเรื่องราวใหม่ ๆ ไม่เพียงเท่านั้น กลับทำให้ทั้งคู่ได้ทบทวน ค้นหาอดีตที่พวกเขาต่างลืมเลือนไป การได้ดูแลนานากะที่ความจำเสื่อม กลับทำให้เน็นจิกลายเป็นคนที่จำได้เสียเองว่าครั้งหนึ่งเขาและนานากะเคยมีความทรงจำที่สวยงามอยู่ร่วมกันมากมายอีกทั้งได้ตระหนักว่านานากะเปลี่ยนไปเพราะอะไร เหตุการณ์ต่าง ๆ นำไปสู่ความสับสนกับคำถามในใจว่าแท้จริงแล้วเน็นจิอยากให้นานากะคนเดิมกลับมาหรือไม่ และทางเลือกไหนที่ดีกับนานากะที่สุด

นานากะ 6/17 จึงเป็นการ์ตูนที่เปิดด้วยความคอเมดี้  เกือบแฟนตาซี ที่ทำให้คุณหัวเราะไปกับความเปิ่นเป๋อของนานากะวัย 6 ขวบในร่าง 17 แต่ความสดใสของนานากะวัย 6 ขวบก็เปรียบเสมือนโลกแห่งฝัน เมื่อถึงเวลาที่ตัวละครต้องเติบโตทั้งนานากะและเน็นจิก็ถึงคราวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริง อาการของนานากะเริ่มแย่ลง ทั้งภาพจิตใจและบุคลิกภาพของเธอที่สับสนและแปรปรวน เหตุการณ์จึงค่อย ๆ ดราม่าและจบลงอย่างสมจริงที่อาจไม่ได้สวยงามสมดังใจของทุกคน



เราก็เหมือนจะเป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนเราที่เคือง ๆ กับตอนจบก็มี เหมือนกัน 
แต่พอมานึกย้อนกลับไป อาจกล่าวได้ว่าเรื่องนี้เริ่มอย่างแฟนตาซีแต่จบอย่างเรียล ๆ หน่วง ๆ กันไป พร้อมกับมีคำถามมากมายอยู่ในนั้น

ทำไมจึงป็นแบบนั้น ...
บางทีเราอาจชินกับสูตรสำเร็จของการ์ตูนผู้หญิงที่พระเอกต้องคู่กับนางเอก...
 เราคาดหวังว่าลำพังเน็นจิจะสามารถช่วยนานากะได้ แบบพระเอก เช่นเดียวกับนานากะวัย 17 ที่เธอเองคงเผลอคาดหวังลึก ๆ ว่าเน็นจิจะเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็น

แต่เน็นจิเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา แม้เน็นจิเต็มใจจะดูแลรับผิดชอบนานากะ แต่ลำพังตัวเขาเองก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด จึงมีการเข้ามาของอาเมมิยะ ที่แม้เธอจะเหมือนเป็นศัตรูในทีแรก (เพราะความไม่ลงรอยกับนานากะมาแต่เดิม) แต่ท้ายที่สุดอาเมมิยะที่รู้ความลับของนานากะเธอจึงยื่นมือมาช่วย และกลายมาเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับเน็นจิ ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกบางอย่างก่อขึ้นในของอาเมมิยะ และบางทีเน็นจิก็ด้วย

เรื่องนี้จึงจบแบบปลายเปิดแบบให้คนดูไปคิดต่อเอาเอง เหมือนมีบางอย่างค้างคา แต่เหมือนจะมีบทสรุปอยู่ในที อาเมมิยะที่รู้ดีว่าตนเองรู้สึกอย่างไร ท้ายที่สุดจึงเลือกที่สารภาพรักเน็นจิทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายยังสับสน เพราะนานากะอาการกำลังแย่ คำตอบเน็นจิก็ไม่ชัดเจน แต่คนอ่านกลับรู้สึกได้ว่าแม้เขาจะคิดถึงแต่นานากะ แต่เขาก็อยากตอบรับความรู้สึกของอาเมมิยะ บางทีอาจต้องการรอเวลา ... รอเวลาที่นานากะพร้อม



จนกระทั่งวันหนึ่งนานากะจึงค่อย ๆ ลืมตา หลังจากอยู่ในห้วงนิทรามาร่วมเดือน 
“กลับมาแล้วค่ะ” เธอกล่าวขึ้น 
ดูเหมือนนานากะที่ลืมตาตื่นขึ้นมานี้จะไม่ใช่นานากะ 6 ขวบ แต่ก็ไม่ใช่นานากะวัย 17 ในวันนั้นเช่นกัน
แม้จะไม่ชัดเจน แต่พอมาคิดดูแล้ว นี่ก็คือการจบได้อย่างสวยงาม

อย่างน้อยเน็นจิก็ได้เห็นภาพมิตรภาพที่สวยงามที่เขามีร่วมกับนานากะ ไม่ใช่ความเกลียดชังเช่นในวันนั้น มิตรภาพของเพื่อนรักในวัยเด็กคู่นี้ก็จบลงด้วยดี

แม้หลังจากนี้อาจจะมีคนใดคนหนึ่งที่ร้องไห้ แต่คนคนนั้นจะเข้มแข็งขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนานากะ เน็นจิ รวมถึงอาเมมิยะด้วย

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

[Animation] Kubo and The Two Strings : คูโบ้และพิณมหัศจรรย์




- ครอบครัวไม่อาจอยู่กับเราได้ตลอดไป แต่สายสัมพันธ์ของครอบครัวจะอยู่กับเราต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น -



Trailer: Kubo and the Two String


ณ ดินแดนญี่ปุ่นโบราณในจินตนาการ มีเด็กชายคนหนึ่ง นามว่า “คูโบ้” ผู้เติบโตมากับแม่บนเทือกเขาสูงชัน ทุกๆ วันคูโบ้จะหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่านิทาน โดยมีพิณซามิเซ็ง และโอริงามิ มาสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้ฟัง แต่ไม่ว่าจะเล่าจบหรือไม่จบคูโบ้จะจากไปเมื่อได้ยินเสียงระฆังบอกตะวันตกดิน เพื่อกลับไปดูแลแม่



แม่ของคูโบ้ร่างกายอ่อนแอ บางครั้งก็เลอะเลือน หลงลืม เธอไม่สามารถจำหรือเล่าเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับพ่อได้ทั้งหมด แต่ก็คอยย้ำกับคูโบ้อยู่เสมอว่าให้พกเครื่องรางไม้รูปลิง และกลับบ้านก่อนตะวันตกดิน เพื่อป้องกันตนเองจากราชาแห่งจันทรา หรือตาของเขา ผู้เป็นคนช่วงชิงดวงตาข้างหนึ่งของคูโบ้ไป แต่แล้ววันหนึ่งในวันงานเทศกาลคูโบ้เกิดเรียกวิญญาณจากอดีตโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังถูกน้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ราชาแห่งจันทราหรือตาของเขาตามล่า ทำให้คูโบ้รู้ว่าเรื่องที่แม่เขาเล่าเป็นความจริง อีกทั้งตัวเขาต้องออกผจญภัยเพื่อตามหาของวิเศษ 3 อย่างในดินแดนฟาร์แลนด์ อันได้แก่ ดาบแกร่งไร้หัก เกราะวิเศษที่ไม่อาจฟันเข้า และสุดท้ายคือหมวกนักรบ พร้อมเพื่อนใหม่เป็นลิงจ๋อ และพี่ด้วงความจำเสื่อมที่จะมาช่วยคูโบ้ในการหาของวิเศษและความทรงจำที่หายไปเกี่ยวกับพ่อของเขา



Kubo and the Two String อนิเมชั่นภาพสวย เรื่องยี่ยมแห่งปี เทคนิค Stop Motion ถ่ายกันเป็นช็อตๆ ที่ว่ากันว่าใช้เวลากัน 3 วินาที ต่อสัปดาห์ เป็นอะไรที่ประณีต และงดงามที่แฝงไปด้วยความละเอียดลออ ทั้งงานศิลปะ วัฒนธรรม และปรัชญาแบบตะวันออก ผ่านการเล่าเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยเวทมนตร์ และความเป็นแฟนตาซี



วิดีโอตัวอย่าง และเบื้องหลัง


ฉากที่เราชอบเป็นพิเศษน่าจะเป็นการใช้พลังพิเศษของคูโบ้กับกระดาษโอริงามิ ที่ดูแล้วเพลินตาดีแท้ กับฉากต่อสู้กับโครงกระดูกยักษ์ที่ดูเบื้องหลังแล้วก็ต้องร้อง โอ้โห! นอกจากนี้เพลงประกอบก็เข้ากั๊น เข้ากัน แต่บางฉากบางตอนก็เหมือนถูกตัดฉึบๆ จนคล้ายว่าจะอารมณ์ค้าง การดำเนินเรื่องบางช่วงก็แลดูเนือยๆ ซึ่งก็คิดเหมือนกันว่าหากจะมีบางคนบอกว่าเบื่อก็ไม่แปลกใจ เพราะเราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แฝงเนื้อหาปรัชญาแบบผู้ใหญ่ว่าด้วยเรื่องของครอบครัว สัจธรรม และการดำเนินชีวิตภายใต้การนำเสนอผ่านเรื่องเล่าการผจญภัยของเด็ก หรือการเดินทางของฮีโร่ แต่เหมือนว่าตัวการ์ตูนยังไม่ชุบน้ำตาลหรือสีลูกกวาดที่จะทำให้รู้สึกหวือหวา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือภาพยนตร์คุณภาพเรื่องหนึ่ง...และเป็นไปได้เราก็อยากจะดูเพื่อทำความเข้าใจกับมันอีกครั้ง

If you must Blink, Do it now!



คะแนน 9/10
เพราะความสวยงามบางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากความสมบูรณ์แบบ :D


วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[Manga & Live Action] Good Morning Call ... อรุณสวัสดิ์ส่งรักมาทักทาย

บอกตามตรงเลยว่า ตอนเห็นข่าวว่า Good Morning Call หรือ “อรุณสวัสดิ์ส่งรักมาทักทาย” กำลังจะกลายเป็น Live Action จาก Facebook Bongkoch แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยทีเดียว เพราะเรื่องนี้มันช่างเก่าจนไม่คิดจะมีผู้จัดที่ไหนจับมาปัดฝุ่นจับมาทำ Live Action อีก ... ตอนนั้นถึงกับกด Like ให้คอมเมนท์หนึ่งรัวๆ ว่า “อ่านตอน 14 ไม่คิดว่าจะมาเป็นละครเอาตอนใกล้ 30” (บอกอายุกันเลยทีเดียว)



Good Morning Call เป็นผลงานของ Yue Takasuka ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Ribon สำนักพิมพ์ Shueisha ปี 1997 (พ.ศ. 2540) และออกเป็นรวมเล่มมาทั้งหมด 11 เล่มจบ ฉบับภาษาไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บงกช วางจำหน่ายช่วงประมาณปี พ.ศ. 2543 ถือว่าเป็นการ์ตูนผู้หญิงเรื่องหนึ่งที่เติบโตมากับคอการ์ตูนวัยรุ่นยุค 90 อย่างเรา และอาจเป็นการ์ตูนผู้หญิงเรื่องแรกๆ ที่เริ่มอ่านก็เป็นได้ สำหรับเราเรื่องนี้กระแสอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าจังหวะร็อคฯ การ์ตูนผู้หญิงอีกหนึ่งเรื่องในยุคนั้น แต่ถ้าใครได้อ่านแล้วก็ชอบ และก็ยกให้เป็นหนึ่งในการ์ตูนในดวงใจไม่น้อยเช่นกัน


เรื่องย่อ
“โยชิคาว่า นาโอะ” สาวน้อยวัย 15 ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตในเมืองตามลำพัง เพราะไม่อยากตามไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด แต่ดันโชคร้าย เมื่อเธอโดนบริษัทจัดหาที่อยู่โกงจนทำให้ต้องมาอยู่อาศัยกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก นั่นคือ เทพบุตรสุดหล่อของโรงเรียน “อุเอฮาระ ฮิซาชิ”เพื่อนร่วมชั้นของเธอ

เริ่มต้นทั้งสองคน ก็ไม่ได้อยากจะอยู่ร่วมบ้านกันสักเท่าไร แต่ทั้งนาโอะ และฮิซาชิ ต่างก็ต้องการที่จะใช้ชีวิตแยกออกมาจากครอบครัว บวกกับสภาพห้อง ทำเล และสถานะทางการเงิน ทำให้ทั้งคู่ตกลงที่จะหารค่าเช่าและอยู่ร่วมกันไปจนกว่าจะเรียนจบ โดยสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้

จากที่คิดว่าจะต่างคนต่างอยู่ อยู่กันไปกันมาทั้งคู่ก็เริ่มเปิดใจให้แก่กัน แถมนาโอะยังต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นแฟนปลอมๆ ของฮิซาชิ งานนี้แฟนปลอมๆ จะกลายแฟนตัวจริงได้ยังไง ต้องไปติดตามอ่านกันค่ะ



ความผูกพันที่อาจนำมาซึ่งความรัก...

Good Morning Call ยังคงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ใช้พล็อตแบบพื้นฐานของการ์ตูนผู้หญิง คือ การพบพานของหนุ่มฮอตกับสาวธรรมดา และเหตุที่ชาย – หญิงต้องมาร่วมบ้านเดียวกัน แต่จุดเริ่มต้นและความสัมพันธ์ของตัวละครที่แสนเรียบง่ายนั้นเกิดมาเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ


พระเอกเป็นถึงหนุ่มสุดป๊อปของโรงเรียนที่สาวๆ หลายคนหลงใหล แต่ไม่ใช่คนสุงสิงกับใคร จึงดูลึกลับเข้าถึงได้ยาก อีกด้านหนึ่งนางเอกก็เป็นสาวใสๆ ที่ใช้ชีวิตแสนเรียบง่าย ไม่ได้ประสีประสาเรื่องความรัก ทั้งสองคนจึงไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เมื่อมาเจอกันก็ต้องเริ่มมาทำความรู้จักกันใหม่โดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน จึงดูเป็นเรื่องแปลกสำหรับเราที่ไม่ได้เห็นฉากนางเอกวี้ด ว้าย  วีน โวยวาย ทำซึนใส่พระเอก แต่กลับเป็นคนให้ข้อเสนอการอยู่ร่วมกันกับพระเอกอย่างง่ายๆ จนพระเอกอึ้ง แม้ว่าอยู่กันมาไม่กี่วันทั้งคู่จะเริ่มมีปัญหากัน แต่มันก็เป็นเหมือนปัญหาเล็กๆ ของคนในครอบครัว เช่น เรื่องไม่แบ่งของกิน หรือการรู้สึกว่าเพื่อนร่วมบ้านตัวเองช่างงี่เง่าเหลือเกิน แต่เมื่อทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกัน ทั้งนาโอะและอุเอฮาระต่างพยายามทำความเข้าใจ และดูแลกันและกัน จนในที่สุดความรู้สึกของทั้งคู่ก็ต่างเปลี่ยนไปโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัว

สิ่งหนึ่งที่น่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้มีเสน่ห์ คือ การให้อารมณ์ชวนฝันแต่มีความเรียลลิสติกที่รู้สึกว่าสัมผัสได้อยู่ เรารู้สึกได้ว่า คนแบนนี้มีนะ เหตุการณ์แบบนี้ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้นะ ความสัมพันธ์ของชายที่มีรักแรกที่เจ็บปวดแต่ต้องซ่อนไว้ กับสาวน้อยผู้แสนซื่อ ที่แม้จะรู้ตัวว่ามีความรักแต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ถึงบางตอนนางเอกจะดูเบลอเกินหรือเยอะเกินจนน่าหงุดหงิดก็ตาม แต่ก็มีความลงตัวในเรื่องของความโรแมนติกที่ ไม่ได้เวอร์วังฟินปรี๊ดปรอทแตกภายใน ตอนเดียวแต่เรื่องราวกับใสๆ และค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาความสัมพันธ์ และความคิดความอ่านของตัวละคร รวมถึงมุมมองความรักที่เปลี่ยนไปหลังจากคบกันไปสักระยะหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูมีอะไรไปจนถึงตอนจบ อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปถึงภาคต่อใน Good Morning Kiss ที่เป็นเรื่องของทั้งสองคนในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังดูน่าติดตาม

ผ่านไปหลายสิบปี กับการกลับมาอีกครั้ง...




หลังจากการ์ตูนจบไปเมื่อ 2002 (พ.ศ. 2545) จนแทบจะลืมไปแล้ว ใครจะคิดล่ะว่าเรื่องนี้จะกลับมาอีกครั้ง ในเวอร์ชั่น Live Action โดยการร่วมมือกันระหว่าง Fuji TV และ NetFlix (Worldwide) นำแสดงโดย Fukuhara Haruka (รับบทเป็น Yoshikawa Nao) และ Shunya Shiraishi (รับบทเป็น Uehara Hisashi)
Live Action ได้มีการสร้างความแตกต่างไปจากมังงะเล็กน้อย เริ่มจากการขยับให้พระเอก – นางเอกอยู่ ม.ปลาย ในขณะที่มังงะ เรื่องราวจะอยู่ที่ช่วงประมาณ ม.3 - ม.4  แต่เนื้อหาหรือฉากสำคัญๆ ยังคงไว้  (ซึ่งเราก็คิดว่าการเซ็ตให้อยู่ ม.ปลายน่าจะดีกว่า)

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มตัวละครอย่างไดจิ รุ่นพี่ที่โรงเรียนที่เปรียบเหมือนเพื่อนวัยเด็กของนาโอะ เข้ามาเป็นศัตรูหัวใจ ให้ประเด็นความรักมีความดราม่าขึ้นมามากขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าบทบาทของรุ่นพี่ไดจิก็ต้องมาแนวพี่ชายที่แสนดี พระรองน้ำใจงามอย่างแน่นอน แต่การมีไดจิสำหรับเราก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี เรื่องดีคือ มันมีความแปลกใหม่ เข้ามาแต่ไม่ได้ทำให้เรื่องเดิมผิดเพี้ยนไปนัก ทำให้ดูมีสีสันที่แปลกใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าพล็อตพระเอกมาดนิ่ง กับพระรองผู้อบอุ่น มันจะเกลื่อนไปสำหรับละครรักโรแมนติกที่เห็นในปัจจุบันรึเปล่า  เพราะเนื้อเรื่องในมังงะเดิมทีความสัมพันธ์ ความรักก็ไม่ได้ยุ่งเหยิง วุ่นวาย ก็มีเสน่ห์ในตัวมันเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวบทและการแสดงก็ทำได้ลื่นไหล และน่าติดตามมากระดับหนึ่ง เหมาะกับคนที่อยากหาเรื่องหวานๆ โรแมนติก ดูเพลินๆ ไม่ดราม่าหนักเกินไป

ดูไปดูมาก็เกิดอยากอ่าน Good Morning Kiss การ์ตูนภาคต่อของเรื่องนี้ :D

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

[Manga] โทโดอิน เซยะฯ การ์ตูนระทมคอมเมดี้ เรื่องน่าเศร้าของหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย แต่ดวงซวยหาแฟนไม่ได้!




ปรกติแล้วคาร์แรกเตอร์แบบหนุ่มหล่อ พ่อรวย ผลการเรียนเป็นเลิศ มักเป็นคาร์แรกเตอร์หนุ่มฮอตที่มีสาวๆ มารุมล้อมมากมายรวมถึงนางเอกในการ์ตูนผู้หญิง แต่...นั่นไม่ใช่สำหรับ “โทโดอิน เซยะ” คนนี้

“ทำไม โทโดอิน เซยะ อายุ 16 รูปหล่อ พ่อรวย แต่ดวงซวยหาแฟนไม่ได้” (Why can’t Seiya Todoin 16-year-old, get a girlfriend?) การ์ตูนชื่อแปลกจาก Luckpim ที่ทำให้คุณคุยกับคนขายการ์ตูนไม่รู้เรื่องเพราะเขาก็ไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมโทโดอิน เซยะ อายุ 16 รูปหล่อ พ่อรวย แต่ดวงซวยหาแฟนไม่ได้ (โอ๊ย! พอ)




ทำไม โทโดอิน เซยะ อายุ 16 รูปหล่อ พ่อรวย แต่ดวงซวยหาแฟนไม่ได้ (Why can’t Seiya Todoin 16-year-old, get a girlfriend?)
ผู้แต่ง: ชูยะ อุจิโนะ และคันตะ โมกิ
สำนักพิมพ์: LuckPim
จำนวนเล่ม: 8 เล่ม (จบ)

เรื่องย่อหลังปก
โทโดอิน เซยะ เด็กหนุ่มผู้มีผลการเรียนดี กีฬาเด่น รูปหล่อ แถมยังเป็นลูกชายเศรษฐี แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็หาแฟนไม่ได้สักที “ทำไม ทำไมเราถึงหาแฟนไม่ได้?” มันช่างดูห่างไกลจนต้องตั้งคำถาม ซ้ำยังตกอับถึงขั้นต้องไขว่คว้า! สงครามความรักอันโดดเดี่ยว ที่ทุกคนจะต้องอินไปด้วยกันได้ปะทุขึ้นแล้ว!!

เรื่องราวเปิดมาให้เห็นถึงความเพอร์เฟ็คทุกกระเบียดนิ้วของเซยะ แต่ดันนนมาสะดุดหักมุมว่า “ฝากให้ (จดหมาย) กับซาโต้คุงหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

เครียดสิครับ...

__________________________________


เนื้อเรื่องพาให้เรารู้จักกับชีวิตของโทโดอิน เซยะ ชายหนุ่มผู้ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่าจะต้องหาแฟนให้ได้ก่อนจบม.ปลาย และช่วงเวลาต่างๆ ที่เขาต้องพบพานกับผู้หญิงที่หลากหลายกับใจหญิงที่ยากจะหยั่งถึง

การเจอโทโดอิน เซยะ มันคงมีอารมณ์เหมือนตอนที่เราเจอผู้ชายหล่อ โปรไฟล์ดีคนหนึ่ง แต่ก็ต้องอึ้งปนสงสัยเมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีแฟน และคำตอบนั้นบางทีเราอาจหาได้จากการ์ตูนเรื่องนี้เพราะหลังอ่านจบไปประมาณ 2-3 เล่ม เราก็รู้สึกว่าเราพอเข้าแล้วว่าทำไมนายถึงหาแฟนไม่ได้สักที (ฉันเองก็ไม่ต่างกับนายหรอก ตบไหล่  T_T)




อันที่จริงแล้วใช่ว่าพ่อหนุ่มเซยะ จะมีอะไรไม่ดีนะ ออกจะนิสัยดีด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเรื่องความรักในวัยเด็กมาก่อน ทำให้ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนกลัวความรัก การที่คนอ่านได้รับรู้มุมมองการเล่าเรื่องผ่านเซยะและรับความรู้สึกระทมขมขื่นไปพร้อมๆ กับความฮา เพราะมันช่างเป็นตลกร้าย ท่ามกลางความนึกคิด ความมโน และหลายๆ เรื่องของเซยะ  ผู้แต่งอาจต้องการบอกกับเราเพียงแค่ว่าความรักเป็นเรื่องของใจ ปัจจัยภายนอกทั้งทรัพย์สิน เงินทอง รูปร่างหน้าตาอาจมีส่วนดึงดูด แต่ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านั้นแทบไม่มีผลกับความรัก ชีวิตของเซยะ แทบจะดึงดูดผู้หญิงมากหน้าหลายตาและใช่ว่าทุกคนจะปฏิเสธเซยะ (คนที่ปฏิเสธจริงๆ มันก็มี) แต่ท้ายที่สุดมันเป็นเพราะเซยะเองทั้งนั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นหลุดมือไป

เมื่อทุกคนมีรักได้ ทุกคนก็มีโอกาสที่อกหักได้เช่นกัน  เรื่องราวของโทโดอิน เซยะจะว่าไปก็เป็นเหมือนตำราปรัชญาของรักที่ไม่สมหวัง ความรักมีหลายรูปแบบ อกหักก็มีหลายเหตุผล บางครั้งคนที่เราคิดว่าใช่ก็ไม่ใช่ บางครั้งความรักที่ผ่านเข้ามาก็ไม่พอดีกับจังหวะชีวิตของเรา

และไม่ว่ารักนั้นจะสมหวังหรือไม่ ท้ายที่สุดชีวิตของคนเราก็ต้องดำเนินต่อไป...

__________________________________

คะแนน 7/10
ปรกติเราเคยอ่านแต่การ์ตูนที่นำไปสู่จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ การ์ตูนเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึว่าจุดเริ่มต้นกับจุดจบช่างใกล้กันเหลือเกิน เคลมกันไวยิ่งกว่าเรียกประกัน ยิ่งอ่านไปจนจบพี่ไม่รู้ว่าควรขำ สงสาร หรือชื่นชมน้องดี การ์ตูนเรื่องนี้มีหลายหลายรสชาติด้วยกันทั้งสไลซ์ออฟไลฟ์ ดราม่า ระทม คอมเมดี้ ชีวิตบัดซบ และเยียวยาจิตใจคนไร้แฟนไปพร้อมๆ กัน

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

The First day of my Blog

Good Afternoon everyone
Today is a good day that I decide to make a Blog.
I'm not sure how it is because I'm just practice but I will try to write a good thing and upload my gallery next time

Hope you like them

Thank You

Janne