การปฏิวัติวัฒนธรรมอาจทำให้คนเราถูกจำกัดทางความคิดและเสรีภาพ แต่ไม่อาจหยุดรักจากหัวใจของหนุ่มสาวผู้มีความรักและปรารถนาอย่างเปี่ยมล้น
บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน
ผู้เขียน: ไต้ซื่อเจี๋ย
ผู้แปล: โตมร ศุตปรีชา
สำนักพิมพ์: บลิส (Bliss Publishing)
จำนวนหน้า: 194 หน้า
เรื่องย่อจากปก
ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีน หนุ่มชาวเมืองผู้เคราะห์ร้ายสองคน คนหนึ่งเป็นลูกชายของหมอฟัน อีกคนเป็นลูกชายหมอ ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่อง ทั้งสองถูกส่งไปชนบทจีนเพื่อล้างความคิดแบบตะวันตก โดยต้องทำงานหนักทำตัวประหนึ่งกรรมกรไร้การศึกษา ต้องปฏิเสธความคิดและความรู้ทั้งหมดที่เคยเรียนรู้มา มีเพียงความสามารถโดดเด่นในการเล่าเรื่องที่ช่วยให้ทั้งคู่อยู่รอดได้ คือต้องรับหน้าที่ไปดูหนังอีกหมู่บ้านหนึ่งแล้วกลับมาเล่าเรื่องให้คนในหมู่บ้านฟัง
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อทั้งคู่พบและร่วมกันขโมยขุมทรัพย์ที่ซุกซ่อนอยู่ซึ่งทางการถือว่าเป็นตัวบ่อนทำลายประเทศจีน นั่นคือวรรณกรรมชั้นเยี่ยมของโลกของนักเขียนนาม “บัลซัค” และเมื่อทั้งคู่นำไปอ่านให้ลูกสาวของช่างเย็บผ้าในหมู่บ้านฟัง ระหว่างนั้นเองเด็กหนุ่มสองคนก็ตกหลุมรักสาวน้อย
หนังสือของบัลซัคและสาวน้อยช่างเย็บผ้าได้ปลุกหลายสิ่งซึ่งเคยหลับใหลในตัวสองหนุ่มให้ตื่นขึ้น
...
เรื่องราวของบัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีนเล่าเรื่องผ่าน “ผม” ลูกชายของหมอที่ถูกทางการกำหนดสถานะให้เป็นศัตรูของชาติ ที่เล่าเรื่องของเพื่อนสนิท “หลู” ลูกชายหมอฟันผู้ร่วมเดินทางมา “สัมมนา” หรือ “การดัดแปลงตนเอง” เพื่อล้างความคิดแบบตะวันตก กับหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่เข้ามามีอิทธิพลกับพวกเขา “สาวน้อยช่างเย็บผ้า” หญิงสาวชาวดอยวัยแรกรุ่น ผู้มีความสดใสงดงาม และความสงสัยสังใคร่รู้
ในช่วงที่การเมืองเต็มไปด้วยความตึงเครียด ชายหนุ่มทั้งสองไม่สามารถทำสิ่งใดได้อย่างอิสระเสรี เมื่อได้พบกับวรรณกรรมตะวันตกเล่มแรก “อูร์ซูล มีรูแอต” (Ursule Mirouët) ของบัลซัค (Honoré de Balzac) แม้จะเป็นเพียงหนังสือเล่มเล็กๆ บางๆ แต่ก็สามารถปลุกบางสิ่งบางอย่างในจิตใจของพวกเขา “ผม” ประทับใจจนต้องคัดลอกข้อความลงบนเสื้อหนังแกะ ส่วน “หลู” ก็แอบนำหนังสือของบัลซัคไปอ่านให้ “สาวน้อยช่างเย็บผ้า” หญิงคนรักของเขาฟัง และเรื่องราวที่น่าหลงใหลชวนติดตามก็เกิดขึ้นโดยมี “บัลซัค” นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นี้เป็นผู้จุดประกาย
เสน่ห์ของเรื่องนี้ที่เจ้าของบลอกรู้สึกได้คือ การเล่าเรื่องของ “ผม” เล่าโดยไม่บอกชื่อตัวละคร นอกจาก “หลู” แล้ว ตัวละครตัวอื่นๆ ล้วนไม่มีชื่อ “สาวน้อยช่างเย็บผ้า” หญิงสาวที่ทั้งผมและหลูรักใคร่ “สี่ตา” เพื่อนของทั้งสองที่สวมแว่นตา “ผู้ใหญ่บ้าน” หรือ “ช่างโม่แป้งชรา” ตัวละครทั้งหมดถูกเล่าผ่านโดยไม่มีชื่อแต่ทุกคนก็ต่างมีมนตร์สะกดที่จะทำให้ผู้อ่านสนใจเรื่องราวของพวกเขา และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เสน่ห์ของเรื่องนี้คือผู้เขียนใช้ถ้อยคำภาษาที่สละสลวย ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพตัวละครได้อย่างชัดเจนราวกับดูภาพยนตร์
บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน เป็นนิยายรักที่จะพาคุณไปยังช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของจีนในปี 1971 และสัมผัสความรัก ความปรารถนา และความรู้สึกของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง